วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2555

กรุงเทพมหานคร


กรุงเทพมหานคร

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
กรุงเทพมหานคร
ตราประจำกรุงเทพมหานคร
ตราประจำกรุงเทพมหานคร
  • กรุงเทพฯ ดุจเทพสร้าง
  • เมืองศูนย์กลางการปกครอง
  • วัดวังงามเรืองรอง
  • เมืองหลวงของประเทศไทย[1]
ข้อมูลทั่วไป
ชื่ออักษรไทยกรุงเทพมหานคร
ชื่ออักษรโรมันBangkok หรือ Krung Thep Maha Nakhon
ผู้ว่าราชการหม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร
(ตั้งแต่ พ.ศ. 2552)
ISO 3166-2TH-10
สีประจำกรุงเทพมหานครเขียว ███
ต้นไม้ประจำกรุงเทพมหานครไทรย้อยใบแหลม
ข้อมูลสถิติ
พื้นที่1,568.737 ตร.กม.[2]
(อันดับที่ 69)
ประชากร5,674,843 คน
เพศชาย2,692,954 คน เพศหญิง2,981,889 คน[3] (พ.ศ. 2554)
(อันดับที่ 1)
ความหนาแน่น3,617.4597 คน/ตร.กม.
(อันดับที่ 1)
ศูนย์ราชการ
ที่ตั้งศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เลขที่ 173 ซอยสำราญราษฎร์ ถนนดินสอ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
โทรศัพท์(+66) 0 2221 2141-69
เว็บไซต์กรุงเทพมหานคร
แผนที่
 
แผนที่ประเทศไทย เน้นกรุงเทพมหานคร

สารานุกรมประเทศไทย ส่วนหนึ่งของสารานุกรมประเทศไทย
กรุงเทพมหานคร เป็นเมืองหลวง และเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศไทย กรุงเทพมหานครเป็นศูนย์กลางการปกครอง การศึกษา การคมนาคมขนส่งการเงินการธนาคาร การพาณิชย์ การสื่อสาร และความเจริญของประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่มีชื่อยาวที่สุดในโลกอีกด้วย มีแม่น้ำสำคัญคือ แม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่าน ทำให้แบ่งเมืองออกเป็น 2 ฝั่ง คือฝั่งพระนครและฝั่งธนบุรี โดยกรุงเทพมหานครมีพื้นที่ทั้งหมด 1,568.737 ตารางกิโลเมตร
กรุงเทพมหานครเป็นเขตปกครองพิเศษของประเทศไทย มิได้มีสถานะเป็นจังหวัด คำว่า กรุงเทพมหานคร นั้นยังใช้เรียกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของกรุงเทพมหานครอีกด้วย ปัจจุบัน กรุงเทพมหานครเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นโดยตรง
เนื่องจากประเทศไทยมีบทบาทด้านวัฒนธรรม สมัยนิยม และการบันเทิงมากขึ้นในการเมืองโลก มหาวิทยาลัยลัฟเบอเรอะ (Loughborough University) จึงจัดกรุงเทพมหานครว่าเป็นนครโลกระดับแอลฟาลบ[4] กรุงเทพมหานครมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง เช่น พระบรมมหาราชวัง พระที่นั่งวิมานเมฆและวัดต่าง ๆ ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 10 ล้านคนในแต่ละปี นับเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศมากที่สุดรองแต่เพียงกรุงลอนดอนเท่านั้น[5]
ในสมัยอาณาจักรอยุธยา บางกอก (กรุงเทพมหานคร) ยังเป็นเพียงสถานีการค้าขนาดเล็ก ตั้งอยู่ที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยา ต่อมาในปี พ.ศ. 2310 สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงย้ายเมืองหลวงมาตั้งอยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา คือ ฝั่งธนบุรี จึงได้ชื่อว่า กรุงธนบุรี และในปี พ.ศ. 2325 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงย้ายเมืองหลวงมายังฝั่งตะวันออกของแม่น้ำ คือ ฝั่งพระนคร จึงได้ชื่อว่า กรุงรัตนโกสินทร์

[แก้]ประวัติ

แผนที่สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 17 ในDu Royaume de Siam ของ ซีมง เดอ ลา ลูแบร์
พื้นที่บริเวณกรุงเทพมหานครในปัจจุบัน เดิมเป็นที่ตั้งของเมืองธนบุรีศรีมหาสมุทร ชาวต่างชาติเรียกกันว่า "บางกอก" มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา[6] มีความสำคัญเนื่องจากเป็นเส้นทางออกสู่ทะเลและติดต่อค้าขายกับอาณาจักรต่าง ๆ เป็นเมืองหน้าด่านขนอน คอยดูแลเก็บภาษีกับเรือสินค้าทุกลำที่ผ่านเข้าออก ส่วนบริเวณปากน้ำตรงอ่าวไทย เรียกกันว่า "นิวอัมสเตอร์ดัม" มีชุมชนใหญ่และโกดังของชาวต่างประเทศไว้สำหรับพักสินค้า ปัจจุบันคือพื้นที่บริเวณอำเภอพระประแดง[6]
ที่มาของคำว่า "บางกอก" นั้น มีข้อสันนิษฐานว่าอาจมาจากการที่แม่น้ำเจ้าพระยาคดเคี้ยวไปมา บางแห่งมีสภาพเป็นเกาะเป็นโคก จึงเรียกกันว่า "บางเกาะ" หรือ "บางโคก" หรือไม่ก็เป็นเพราะบริเวณนี้มีต้นมะกอกอยู่มาก จึงเรียกว่า "บางมะกอก" โดยคำว่า "บางมะกอก" มาจากวัดอรุณ ซึ่งเป็นชื่อเดิมของวัดดังกล่าว และต่อมาต่อมากร่อนคำลงจึงเหลือแต่คำว่าบางกอก[6][7]
ต่อมาเมื่อถึงคราวเสียกรุงศรีอยุธยาใน พ.ศ. 2310 หลังการกอบกู้อิสรภาพจากพม่า สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงสถาปนาเมืองธนบุรีศรีมหาสมุทรให้เป็นราชธานีแห่งใหม่ เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2313[6] แต่กรุงธนบุรีมีสภาพเป็นเมืองอกแตก ตรงกลางมีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่าน เป็นเหตุให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (ทองด้วง) มีความคิดจะย้ายเมืองไปทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อให้การป้องกันรักษาเมืองเป็นไปได้โดยง่าย[6]
เมื่อสิ้นรัชกาลสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีในวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกได้ขึ้นเสวยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์ ทรงพระนามว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี มีพระราชดำริว่า ฟากตะวันออกของกรุงธนบุรีมีชัยภูมิดีกว่าตะวันตก เพราะมีลำน้ำเป็นขอบเขตอยู่กว่าครึ่ง หากข้าศึกยกมาติดถึงชานพระนคร ก็จะต่อสู้ป้องกันได้ง่ายกว่าอยู่ข้างตะวันตก จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างกรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาให้เป็นราชธานีแห่งใหม่ โดยสืบทอดศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมจากพระราชวังหลวงของกรุงศรีอยุธยา[6]
พระองค์มีพระบรมราชโองการให้พระยาธรรมาธิกรณ์กับพระยาวิจิตรนาวี เป็นแม่กองคุมช่างและไพร่ไปวัดกะที่ดินเพื่อสร้างพระนครใหม่ในวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2325 ทรงประกอบพิธียกเสาหลักเมือง เมื่อวันอาทิตย์ เดือน 6 ขึ้น 10 ค่ำ ย่ำรุ่งแล้ว 9 บาท (54 นาที) ปีขาล จ.ศ. 1144จัตวาศก ตรงกับวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2325 เวลา 6.54 น.[6] และทรงประกอบพระราชพิธีปราบดาภิเษกในวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2325[6]
ต่อมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเปลี่ยนชื่อพระนครจาก บวรรัตนโกสินทร์ เป็น อมรรัตนโกสินทร์ และมีฐานะในการปกครองส่วนท้องถิ่นเป็น "จังหวัดพระนคร"[ต้องการอ้างอิง]
ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ตัดถนนใหม่ขึ้น ทรงดำริให้ตัดถนนเจริญกรุง เป็นถนนเส้นแรกในกรุงเทพมหานคร ก่อสร้างเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2404[8] และเปลี่ยนรูปแบบผังเมืองกรุงเทพมหานครเฉกเช่นอารยประเทศ เนื่องจากในสมัยนั้นสยามประเทศถูกคุกคามจากมหาอำนาจยุโรป และตรงจุดนี้เป็นหนึ่งในข้ออ้างที่มหาอำนาจนำมาใช้เพื่อแทรกแซงและคุกคามสยามประเทศ ภายหลัง ต่างชาติยุโรปเองได้ยอมรับกรุงเทพมหานครว่า เป็นหนึ่งในเมืองที่มีผังเมืองงดงามที่สุดในโลกในสมัยนั้น[9]
ต่อมาเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2514 รัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจรได้รวม จังหวัดพระนคร และ จังหวัดธนบุรี เข้าด้วยกันเป็น นครหลวงกรุงเทพธนบุรี[10] และภายหลังการปรับปรุงการปกครองใหม่เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2515 จึงได้เปลี่ยนเป็นชื่อเป็น กรุงเทพมหานคร แต่นิยมเรียกกันว่า กรุงเทพฯ[11]
ในปี พ.ศ. 2554 กรุงเทพมหานครได้รับการประกาศจากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ให้เป็นเมืองหนังสือโลก หรือ World Book Capital ประจำปี พ.ศ. 2556[12] กรุงเทพมหานครติดอันดับที่ 102 เมืองน่าอยู่ของโลก จัดอันดับโดย The Economist Intelligence Unit[13]

[แก้]ชื่อเมือง

กรุงเทพมหานคร
คำว่า กรุงเทพมหานคร แปลว่า "พระนครอันกว้างใหญ่ดุจเทพนคร" มาจากชื่อเต็มว่า กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบูรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์[14] มีความหมายว่า พระนครอันกว้างใหญ่ ดุจเทพนคร เป็นที่สถิตของพระแก้วมรกต เป็นมหานครที่ไม่มีใครรบชนะได้ มีความงามอันมั่นคง และเจริญยิ่ง เป็นเมืองหลวงที่บริบูรณ์ด้วยแก้วเก้าประการ น่ารื่นรมย์ยิ่ง มีพระราชนิเวศใหญ่โตมากมาย เป็นวิมานเทพที่ประทับของพระราชาผู้อวตารลงมา ซึ่งท้าวสักกเทวราชพระราชทานให้ พระวิษณุกรรมลงมาเนรมิตไว้[15]
โดยนามเดิมที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) โปรดเกล้าฯ พระราชทานในตอนแรกนั้น ใช้ชื่อว่า “กรุงรัตนโกสินทร์อินท์อโยธยา” ต่อมาในในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) ทรงแก้นามพระนครเป็น “กรุงเทพมหานคร บวรรัตนโกสินท์ มหินทอยุธยา” จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ทรงเปลี่ยนคำว่า บวร เป็น อมร เปลี่ยนคำว่า มหินทอยุธยา โดยวิธีการสนธิศัพท์เป็น มหินทรายุธยา และเติมสร้อยนามต่อ ทั้งเปลี่ยนการสะกดคำ สินท์ เป็น สินทร์ จนเป็นที่มาของชื่อเต็มของกรุงรัตนโกสินทร์ (กรุงเทพฯ) ข้างต้น[15]
ชื่อทางการของกรุงเทพมหานครเมื่อถอดเป็นอักษรโรมัน คือ "Krung Thep Maha Nakhon" แต่คนทั่วไปนิยมทับศัพท์ตามชื่อที่ผู้พูดภาษาอังกฤษเรียกเมืองนี้ว่า "Bangkok" ซึ่งมาจากชื่อเดิมของกรุงเทพมหานคร คือ "บางกอก"
กรุงเทพมหานครได้ชื่อว่าเมืองที่มีชื่อยาวที่สุดในโลกบันทึกไว้ในกินเนสส์บุ๊ก แปลความเป็นภาษาอังกฤษว่า "the Great City of Angels, the Supreme Repository for Divine Jewel, the Great Land Unconquerable, the Grand and Prominent Realm, the Royal and Delightful Capital City full of Nine Noble Gems, the Highest Royal Dwelling and Grand Palace, the Divine Shelter and Living Place of the Reincarnated Spirit"[ต้องการอ้างอิง]
ชื่อเต็มของกรุงเทพมหานคร เมื่อถอดเป็นอักษรโรมัน คือ "Krungthepmahanakhon Amonrattanakosin Mahintharayutthaya Mahadilokphop Noppharatratchathaniburirom Udomratchaniwetmahasathan Amonphimanawatansathit Sakkathattiyawitsanukamprasit"[14] ซึ่งเป็นชื่อสถานที่ที่ยาวที่สุดในโลกและได้จดบันทึกไว้ในกินเนสบุ๊ค[16] (169 ตัวอักษร) ยาวกว่าชื่อภูเขา "ตาอูมาตาวากาตังกีฮังกาโกอาอูอาอูโอตามาทีอาโปกาอีเวนูอากีตานาตาฮู" ("Taumatawhakatangihangakoauauotamateaturipukakapikimaungahoronukupokaiwhenuakitanatahu") (85 ตัวอักษร) ในนิวซีแลนด์ และชื่อทะเลสาบ "ชาร์ก็อกกาก็อกมานชาอ็อกกาก็อกเชาบูนากุนกามาอัก" ("Chargoggagogg­manchauggagogg­chaubunagungamaugg") (45 ตัวอักษร) ในรัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา

[แก้]สัญลักษณ์ประจำกรุงเทพมหานคร

[แก้]ภูมิศาสตร์

[แก้]ภูมิประเทศ

กรุงเทพมหานครจากภาพถ่ายดาวเทียม
กรุงเทพมหานครมีพื้นที่ 1,568.7 ตารางกิโลเมตร เป็นจังหวัดที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 68 ของไทย เป็นเมืองที่กว้างที่สุดของโลก[18]และเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 73 ของโลก[19] ด้วยมีแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งทอดตัวยาว 372 กิโลเมตรพาดผ่านจังหวัด ทำให้กรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียงเป็นส่วนหนึ่งของที่ราบลุ่มภาคกลางตอนล่างของประเทศไทย ซึ่งเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก พื้นที่ส่วนมากในกรุงเทพมหานครเป็นที่ราบลุ่ม ตั้งอยู่บนพื้นที่บริเวณดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำ ซึ่งเกิดจากตะกอนน้ำพา มีระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 1.50-2 เมตร โดยมีความลาดเอียงจากทิศเหนือสู่อ่าวไทยทางทิศใต้ และเฉพาะลุ่มแม้น้ำเจ้าพระยาตอนล่างจะอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลไม่เกิน 1.50 เมตร ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมบ่อยครั้งในช่วงฤดู​​มรสุม

[แก้]อาณาเขตติดต่อ

กรุงเทพมหานครมีอาณาเขตทางบกติดต่อกับจังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดนครปฐม จังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี จังหวัดฉะเชิงเทรา และจังหวัดสมุทรปราการ ส่วนอาณาเขตทางทะเลอ่าวไทยตอนใน ติดต่อจังหวัดเพชรบุรี จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดชลบุรี โดยมีรายละเอียดดังนี้

[แก้]ภูมิอากาศ

กรุงเทพมหานครตั้งอยู่ในเขตร้อน มีภูมิอากาศร้อนแบบทุ่งหญ้าสะวันนา (Aw) ตามเกณฑ์การแบ่งภูมิอากาศโลกของวลาดีมีร์ เคิปเปิน คืออุณหภูมิเฉลี่ยในเดือนที่หนาวเย็นที่สุดสูงกว่า 18 องศาเซลเซียส มีอย่างน้อย 1 เดือนที่ปริมาณน้ำฝนต่ำกว่า 60 มิลลิเมตร และเดือนที่มีฝนตกน้อยที่สุด จะมีปริมาณน้ำฝนน้อยกว่า 100 ลบปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยรายปี หารด้วย 25 [20]นั่นก็คือเป็นภูมิอากาศแบบมีฤดูฝนและฤดูแล้ง
อากาศของกรุงเทพมหานครได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ (กลางเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม) และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ (พฤศจิกายน-กลางเดือนกุมภาพันธ์) โดยมรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะพัดเอาไอน้ำและความอุ่นชื้นจากมหาสมุทรอินเดียมาด้วย ทำให้มีฝนตกในช่วงบ่ายถึงค่ำอย่างสม่ำเสมอ และยังก่อให้เกิดร่องมรสุมพาดผ่านในเดือนพฤษภาคมกับเดือนกันยายน ซึ่งทำให้มีฝนตกหนักกว่าปกติ แต่ในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ร่องมรสุมนี้จะเลื่อนขึ้นไปพาดผ่านทางเหนือ จนถึงมณฑลหยุนหนานของจีน ทำให้ฝนตกน้อยลง เดือนพฤศจิกายน เมื่อซีกโลกเหนือหันออกจากดวงอาทิตย์ หย่อมความกดอากาศสูงในเขตไซบีเรียจะแผ่ออกไปโดยรอบ มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือจะพัดเอาความแห้งแล้งและหนาวเย็นมา ทำให้อากาศเย็นและแห้ง ท้องฟ้าแจ่มใส ไม่มีเมฆและฝนตก อุณหภูมิต่ำสุดของกรุงเทพฯที่เคยบันทึกได้คือ 9.9 องศาเซลเซียสที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2498 [21] ครึ่งหลังของเดือนกุมภาพันธ์ มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือจะอ่อนกำลังลง เป็นการเปลี่ยนเข้าสู่หน้าร้อน อากาศในตอนกลางวันจะร้อนขึ้นมาก ทำให้บนบกร้อนกว่าพื้นน้ำมาก ลมจากอ่าวไทยจะพัดเข้าสู่บกเป็นระยะ ๆ เรียกลมนี้ว่าลมตะเภา [22] ซึ่งจะนำฝนมาตกหลังจากอากาศร้อนหลาย ๆ วัน และในช่วงวันที่ 25-30 เมษายนของทุกปี ดวงอาทิตย์จะส่องตั้งฉากกับกรุงเทพมหานครพอดี เป็นช่วงที่อากาศร้อนที่สุด อุณหภูมิสูงสุดที่เคยบันทึกได้คือ 40.8 องศาเซลเซียสที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2526 [23] กรุงเทพจะมีกลางวันยาวนานที่สุดราว ๆ วันที่ 23 มิถุนายน (12.55 ชั่วโมง) สั้นที่สุดราว ๆ 21 ธันวาคม (11.20 ชั่วโมง) และกลางวันเท่ากับกลางคืนประมาณเดือนมีนาคมกับกันยายน [24]
[ซ่อน]ข้อมูลภูมิอากาศของกรุงเทพมหานคร (2504-2533)
เดือนม.ค.ก.พ.มี.ค.เม.ย.พ.ค.มิ.ย.ก.ค.ส.ค.ก.ย.ต.ค.พ.ย.ธ.ค.ทั้งปี
อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย °C (°F)32.0
(89.6)
32.7
(90.9)
33.7
(92.7)
34.9
(94.8)
34.0
(93.2)
33.1
(91.6)
32.7
(90.9)
32.5
(90.5)
32.3
(90.1)
32.0
(89.6)
31.6
(88.9)
31.3
(88.3)
32.7
(90.9)
อุณหภูมิเฉลี่ยแต่ละวัน °C (°F)25.9
(78.6)
27.4
(81.3)
28.7
(83.7)
29.7
(85.5)
29.2
(84.6)
28.7
(83.7)
28.3
(82.9)
28.1
(82.6)
27.8
(82)
27.6
(81.7)
26.9
(80.4)
25.6
(78.1)
27.8
(82)
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย °C (°F)21.0
(69.8)
23.3
(73.9)
24.9
(76.8)
26.1
(79)
25.6
(78.1)
25.4
(77.7)
25.0
(77)
24.9
(76.8)
24.6
(76.3)
24.3
(75.7)
23.1
(73.6)
20.8
(69.4)
24.1
(75.4)
ปริมาณฝน มม (นิ้ว)9.1
(0.358)
29.9
(1.177)
28.6
(1.126)
64.7
(2.547)
220.4
(8.677)
149.3
(5.878)
154.5
(6.083)
196.7
(7.744)
344.2
(13.551)
241.6
(9.512)
48.1
(1.894)
9.7
(0.382)
1,496.8
(58.929)
วันที่มีฝนตกโดยเฉลี่ย (≥ 1 mm)133616161820211761128
จำนวนชั่วโมงที่มีแดด272.8251.4269.7258.0217.0177.0170.5161.2156.0198.4234.0263.52,629.5
แหล่งที่มา1: กรมอุตุนิยมวิทยา[25]
แหล่งที่มา 2: หอสังเกตการณ์ฮ่องกง[26]

[แก้]การบริหาร

ตราประจำจังหวัดพระนคร
ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 กำหนดให้กรุงเทพมหานครมีสถานะเป็นนิติบุคคล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ มีผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มาจากการเลือกตั้งโดยตรง และเป็นผู้รับผิดชอบในการบริหารงาน อยู่ในตำแหน่งตามวาระคราวละสี่ปี นับแต่วันเลือกตั้ง โดยมีฝ่ายนิติบัญญัติ คือสภากรุงเทพมหานคร ที่ได้รับการเลือกตั้งจากชาวกรุงเทพมหานครเช่นกัน ดำเนินงานร่วมด้วย
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คนปัจจุบันคือ หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มีสี่คนได้แก่ แพทย์หญิงมาลินี สุขเวชชวรกิจ (ฝ่ายการแพทย์และการสาธารณสุข), ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ (ฝ่ายการขนส่ง, วิศวกรรมโยธา และสำนักงบประมาณ กรุงเทพมหานคร), ดร.วัลลภ สุวรรณดี (ฝ่ายการออกแบบชุมชนเมือง) และ ทยา ทีปสุวรรณ (ฝ่ายการปกครอง วัฒนธรรม การท่องเที่ยว และกีฬา)[27] ส่วนปลัดกรุงเทพมหานคร คนปัจจุบันคือ เจริญรัตน์ ชูติกาญจน์
ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล คนปัจจุบันคือพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง และรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลมีทั้งหมด 12 ราย[28]ที่ทำการอยู่ที่วังปารุสกวันทำหน้าที่ควบคุมดูแลเหตุอาชญากรรมในกรุงเทพมหานคร

[แก้]การแบ่งเขตการปกครอง

[แก้]เขต

ดูบทความหลักที่ เขต (การปกครอง)
รายชื่อเขต 50 เขตของกรุงเทพมหานคร
  1. เขตพระนคร
  2. เขตดุสิต
  3. เขตหนองจอก
  4. เขตบางรัก
  5. เขตบางเขน
  6. เขตบางกะปิ
  7. เขตปทุมวัน
  8. เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย
  9. เขตพระโขนง
  10. เขตมีนบุรี
  1. เขตลาดกระบัง
  2. เขตยานนาวา
  3. เขตสัมพันธวงศ์
  4. เขตพญาไท
  5. เขตธนบุรี
  6. เขตบางกอกใหญ่
  7. เขตห้วยขวาง
  8. เขตคลองสาน
  9. เขตตลิ่งชัน
  10. เขตบางกอกน้อย
  1. เขตบางขุนเทียน
  2. เขตภาษีเจริญ
  3. เขตหนองแขม
  4. เขตราษฎร์บูรณะ
  5. เขตบางพลัด
  6. เขตดินแดง
  7. เขตบึงกุ่ม
  8. เขตสาทร
  9. เขตบางซื่อ
  10. เขตจตุจักร
  1. เขตบางคอแหลม
  2. เขตประเวศ
  3. เขตคลองเตย
  4. เขตสวนหลวง
  5. เขตจอมทอง
  6. เขตดอนเมือง
  7. เขตราชเทวี
  8. เขตลาดพร้าว
  9. เขตวัฒนา
  10. เขตบางแค
  1. เขตหลักสี่
  2. เขตสายไหม
  3. เขตคันนายาว
  4. เขตสะพานสูง
  5. เขตวังทองหลาง
  6. เขตคลองสามวา
  7. เขตบางนา
  8. เขตทวีวัฒนา
  9. เขตทุ่งครุ
  10. เขตบางบอน
แผนที่กรุงเทพมหานครแสดงเขต 50 เขต

[แก้]ประชากร

ปี พ.ศ. 2554 กรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นอันดับที่ 13 ของโลก[29] ทั้งนี้เนื่องจากประชากรในกรุงเทพมหานครนั้นมีทั้งที่เป็นแรงงานข้ามชาติ ประชาชนจากต่างจังหวัดซึ่งไม่ได้ขึ้นทะเบียนราษฎรที่กรุงเทพมหานครจำนวนมาก
ปี พ.ศ. 2553 เขตจตุจักรเป็นเขตที่มีประชากรมากที่สุดของกรุงเทพมหานคร 331,568 ราย รองลงมา คือ เขตลาดกระบัง 298,660 ราย และเขตบางแค 290,321 ราย[30] กรุงเทพมหานครมีชาวญี่ปุ่นพำนักอยู่ในกรุงเทพมหานครกว่า 4,400 คน ซึ่งเป็นเมืองที่มีชาวญี่ปุ่นพำนักอยู่นอกประเทศญี่ปุ่นมากที่สุด ส่วนชาวต่างชาติที่อาศัยในกรุงเทพมหานครอันดับหนึ่ง ได้แก่ ชาวจีน กว่า 250,000 ราย[31]

[แก้]เศรษฐกิจ

กรุงเทพมหานครมีรายได้หลักจากการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม[32]โดยในอดีตที่ผ่านมารายได้นี้มีมากกว่าเงินที่รัฐบาลสนับสนุน
กรุงเทพมหานครเป็นเมืองเศรษฐกิจหลักของประเทศไทย ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศร้อยละ 25 มาจากรุงเทพมหานคร[33] ซึ่งมาจากการค้าปลีกและค้าส่งมากที่สุด ร้อยละ 24.31 รองลงมาได้แก่ อุตสาหกรรมโรงงาน ร้อยละ 21.23 อุตสาหกรรมขนส่งและอุตสาหกรรมสื่อสาร ร้อยละ 13.89 โรงแรมและภัตตาคาร ร้อยละ 9.04
กรุงเทพมหานครยังเป็นอีกเมืองหนึ่งที่กลุ่มทุนข้ามชาติต้องการเข้ามาทำธุรกิจในกรุงเทพมหานครอย่างต่อเนื่อง โดยใน พ.ศ. 2529 บริษัทญี่ปุ่นต่างๆ ได้ดำเนินการอย่างจริงจังในการเคลื่อนไหวที่จะย้ายฐานการผลิตออกสู่ต่างประเทศ เป้าหมายหนึ่งคือ ที่กรุงเทพมหานคร[34]
จากการขยายธุรกิจของต่างชาติส่งผลให้มีการจ้างแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานในกรุงเทพมหานครจำนวนมาก[35] ส่วนใหญ่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นตัวเร่งให้เกิดปัญหาความแออัดในกรุงเทพมหานครมากขึ้น แรงงานต่างด้าวเหล่านี้ถูกยกเป็นข้อสนับสนุนและเป็นหลักฐานว่า กรุงเทพมหานครกำลังเผชิญกับภาวะการขาดแคลนแรงงานเพราะโครงสร้างประชากรในวัยทำงานลดน้อยลง[36]
การคมนาคมเข้าสู่กรุงเทพมหานครมีมากกว่าจังหวัดอื่น เช่นท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง รวมถึงถนนในกรุงเทพมหานครที่มีจำนวน 451 สาย[37] กรุงเทพมหานครเป็นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรม 4 แห่ง[38] ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง นิคมอุตสาหกรรมบางชัน นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี โครงการ 2 และ นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี
ในปี พ.ศ. 2552 เป็นปีแรกในรอบห้าปีที่โครงสร้างเศรษฐกิจกรุงเทพมหานครหดตัวลงยกเว้นภาคธนาคารและภาคบริหารภาครัฐ[39]
ในปี พ.ศ. 2554 กรุงเทพมหานครเป็นนครที่มีค่าครองชีพสูงเป็นอันดับ 22 ของเอเชียและอันดับ 140 ของโลก[40]ในขณะที่กรุงเทพฯได้อันดับค่าครองชีพแพงที่สุดของโลกเป็นอันดับที่อันดับ 66 โดยอีโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต (อีไอยู) หน่วยงานวิจัยในเครือ อีโคโนมิสต์ กรุ๊ป รายงานการจัดอันดับเมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในโลกประจำปีพ.ศ. 2554[41]

[แก้]พลังงาน

ใน พ.ศ. 2555 กรุงเทพมหานครเป็นเมืองแรกในประเทศที่เปิดสถานีพลังงานสีเขียวโดยใช้พลังงานทดแทนโดยความร่วมมือจากบริษัท บางจากปิโตรเลียม[42]

[แก้]การศึกษา

กรุงเทพมหานครเป็นศูนย์กลางการศึกษาของประเทศ มีสถาบันอุดมศึกษาตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่มหาวิทยาลัยทั้งของภาครัฐและเอกชนตั้งอยู่ในหรือรอบ ๆ เมืองหลวง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นั้นเป็นสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำในระดับอุดมศึกษาของกรุงเทพมหานคร เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐที่ปูรากฐานให้นักคิดมาเกือบศตวรรษ กว่าทศวรรษที่ผ่านมา แนวโน้มของการใฝ่หาการศึกษาระดับปริญญาทำให้เกิดมหาวิทยาลัยใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของนักเรียนไทย กรุงเทพมหานครไม่กลายเป็นเพียงสถานที่ที่ผู้อพยพและคนต่างจังหวัดแสวงหาโอกาสในการทำงาน แต่ยังเป็นโอกาสที่จะได้รับปริญญาจากมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยรามคำแหงก่อตั้งเมื่อ พ.ศ.2514[43] เป็นมหาวิทยาลัยเปิดเพียงแห่งเดียวในประเทศ แต่ก็มีการลงทะเบียนเรียนของนักศึกษาสูงที่สุดเมื่อเทียบกับมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ของไทย มหาวิทยาลัยรามคำแหงเป็นหนึ่งในวิธีที่รัฐบาลไทยใช้จัดการกับการเพิ่มขึ้นของความต้องการการศึกษาในระดับอุดมศึกษา ความต้องการในการศึกษาระดับสูงได้นำไปสู่​​การก่อตั้งมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยอื่น ๆ อีกมากมายในเขตเมือง วิทยาลัยอาชีวและวิทยาลัยเทคนิคก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ในปีที่ผ่านมา สถาบันเอกชนจำนวนมากได้ริเริ่มจัดตั้งโปรแกรมการแลกเปลี่ยนและหลักสูตรสองปริญญากับสถาบันจากตะวันตกขึ้นในกรุงเทพ การเพิ่มขึ้นของจำนวนโรงเรียนที่มีหลักสูตรอินเตอร์ได้ช่วยยกระดับมาตรฐานการแข่งขันของสถาบันของรัฐให้สามารถแข่งขันกับเอกชนได้ นอกจากนี้ยังมีมหาวิทยาลัยพุทธศาสนาอีกหลายแห่ง

[แก้]สาธารณสุข

กรุงเทพมหานครมีโรงพยาบาลและศูนย์การแพทย์ ซึ่งรวมสถาบันแพทยศาสตร์ 8 แห่งจาก 15 แห่งของประเทศ โรงพยาบาลหลายแห่งในกรุงเทพมหานคร เป็นระดับตติยภูมิ ซึ่งรับการส่งต่อโรคที่ต้องการวิธีรักษาที่ซับซ้อนจากโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ กรุงเทพมหานครมีโรงพยาบาลรัฐ 19 แห่ง สังกัดกรุงเทพมหานคร 6 แห่ง [44] มีโรงพยาบาลเอกชน 107 แห่ง[45] ที่มีชื่อเสียงมาก เช่น โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์เป็นโรงพยาบาลระดับนานาชาติ โรงพยาบาลที่ใกล้เคียง คือ โรงพยาบาลสมิติเวชและโรงพยาบาลกรุงเทพ ทั้ง 3 แห่งได้การรับรองจากคณะกรรมการร่วมระหว่างประเทศ[ต้องการอ้างอิง]
ด้านโรงพยาบาลรักษาสัตว์ กรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีทั้งหมดอย่างน้อย 44 แห่ง[46] ด้านการเสริมสร้างสาธารณสุขกรุงเทพมหานครได้มีศูนย์กีฬาทางน้ำบึงหนองบอน[47] ไว้บริการประชาชน

[แก้]การป้องกันสาธารณภัย

กรุงเทพมหานครมีสถานีดับเพลิง 35 แห่ง[48]ภายใต้การควบคุมของสำนักบรรเทาและป้องกันสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร ซึ่งปัจจุบันมี ยุทธศักดิ์ ร่มฉัตรทอง เป็นผู้อำนวยการ[49]

[แก้]การท่องเที่ยว

กรุงเทพมหานครเป็นจุดท่องเที่ยวจุดหนึ่ง โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ ได้แก่ พระบรมมหาราชวัง วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) วัดอรุณราชวราราม วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม พระที่นั่งอนันตสมาคม หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ถนนสีลม สยามสแควร์ มาดามทุซโซต์ กรุงเทพพิพิธภัณฑ์ธนาคารไทย เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ (เจริญกรุง)
จากเว็บไซต์ยูโรมอนิเตอร์ ใน พ.ศ. 2549 กรุงเทพมหานครมีจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุดในโลกเป็นอันดับสองรองจากกรุงลอนดอน[50] และกรุงเทพมหานครได้รับเลือกให้เป็นเมืองน่าเที่ยวอันดับหนึ่งของโลกใน พ.ศ. 2551, 2553, 2554 และ 2555[51] ตามการจัดอันดับของนิตยสารทราเวลแอนด์เลเชอร์ (Travel and Leisure)[52] Master Card Global Deslination Cities Index เผยผลสำรวจประจำปี 2555 โดยกรุงเทพฯคว้าอันดับ 1 สุดยอดเมืองจุดหมายปลายทางโลกแห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และเป็นอันดับ 3 ของโลก[53] ขณะที่นิตยสาร Askmen ระบุว่าผลสำรวจกรุงเทพได้รับความเป็นนิยมเป็นอันดับที่ 17 ของเมืองที่น่าไปมากที่สุดในโลกจากทั้งหมด 29 อันดับ[54] ด้านเว็บไซต์ TripAdvisor ได้เปิดเผยผลสำรวจว่ากรุงเทพมหานครเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ประหยัดค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวเป็นอันดับที่ 3 จาก 48 เมืองทั่วโลก[55]

[แก้]ห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้า

ห้างสรรพสินค้าแห่งแรกในกรุงเทพมหานครเปิดใน พ.ศ. 2368 เมื่อหลวงอาวุธวิเศษประเทศพาณิช (โรเบิร์ต ฮันเตอร์) ได้ขอพระบรมราชานุญาตพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระองค์พระบรมราชานุญาตให้เช่าที่ดินของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) สร้างอาคารสำนักงานและโรงเก็บสินค้าคนไทยสมัยนั้นเรียกว่า ห้างหันแตร[56]ปัจจุบันศูนย์การค้าเป็นที่นิยมมากกว่าห้างสรรพสินค้าทั้งด้านการท่องเที่ยวและการพาณิชย์[ต้องการอ้างอิง] ศูนย์การค้าต่าง ๆ ในกรุงเทพมหานครได้สร้างรายได้ทั้งจากภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีธุรกิจเฉพาะให้แก่กรุงเทพมหานครด้วย[57]

[แก้]โรงภาพยนตร์

โรงภาพยนตร์ในกรุงเทพมหานครเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2440[58] ได้แก่ โรงละครหม่อมเจ้าอลังการ โรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมกรุงเป็นโรงมหรสพแห่งแรกในเอเชียที่ใช้เครื่องปรับอากาศ[59] ปัจจุบัน โรงภาพยนตร์มักตั้งอยู่ในศูนย์การค้าต่าง ๆ

[แก้]วัดและพระราชวัง

กรุงเทพมหานครมีวัดทั้งหมด 449 แห่ง[note 1][60] โดยเขตที่มีวัดมากที่สุดได้แก่เขตบางกอกน้อย มีทั้งสิ้น 32 วัด[61] พระราชวังมีทั้งหมด 8 แห่ง วังมีทั้งหมด 17 แห่ง[note 2] (ข้อมูลวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2554)

[แก้]การคมนาคม

เดิมทีกรุงเทพมหานครใช้การสัญจรทางน้ำเป็นหลัก โดยมีคลองมากจนได้ฉายาว่า "เวนิสตะวันออก" แต่ปัจจุบันบางแห่งได้มีการถมคลองเพื่อที่อยู่อาศัย การคมนาคมจึงเน้นหนักไปทางบกแทน กรุงเทพมหานครได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่การจราจรติดขัดเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ได้มีการแก้ไขปัญหาการจราจรมากมาย เช่น การสร้างทางด่วนหรือรถไฟฟ้า การคมนาคมในกรุงเทพมหานครยังสามารถทำได้อีกหลายทาง เช่น การนั่งรถโดยสารประจำทาง (รถเมล์) แท็กซี่ รถจักรยานยนต์รับจ้าง

[แก้]ทางรถยนต์

การจราจรในกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพมหานครเป็นจุดเริ่มต้นของถนนหลักของประเทศไทย ได้แก่
ทั้งนี้ มีทางหลวงสายหลักที่ไม่ได้เริ่มต้นจากกรุงเทพมหานคร เช่น ถนนมิตรภาพ (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2 สายตะวันออกเฉียงเหนือ) ซึ่งเริ่มต้นที่จังหวัดสระบุรี แต่ในสะพานข้ามคลองยังคงนับหลักกิโลเมตรจากกรุงเทพมหานครอยู่

[แก้]ทางหลวงพิเศษ

ในเขตกรุงเทพมหานครมีทางหลวงพิเศษ 3 สาย ได้แก่
  1. ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 (ถนนมอเตอร์เวย์) รวม 126 กิโลเมตร เปิดใช้บริการครั้งแรก 79 กิโลเมตร 1 ธันวาคม พ.ศ. 2541
  2. ทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 (ถนนกาญจนาภิเษก) เปิดใช้บริการส่วนต่อขยายครั้งล่าสุด (ด้านใต้) วันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550
  3. ทางหลวงพิเศษหมายเลข 338 (ถนนบรมราชชนนี)
ดูเพิ่มที่ ทางหลวงพิเศษ

[แก้]ทางยกระดับ

  1. ทางยกระดับอุตราภิมุข มีระยะทางรวมประมาณ 28 กิโลเมตร ซึ่งเป็นโครงการที่อยู่ในการบริหารจัดการโดยบริษัททางยกระดับดอนเมืองจำกัด (มหาชน) ระยะทางประมาณ 22 กิโลเมตรจากดินแดงถึงอนุสรณ์สถานแห่งชาติ (ทางยกระดับดอนเมือง) เปิดบริการเมื่อ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2537 และอยู่ในการบริหารจัดการโดยกรมทางหลวง ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร จากอนุสรณ์สถานแห่งชาติถึงรังสิต (ส่วนของกรมทางหลวง) เปิดบริการเมื่อ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2541
  2. ทางคู่ขนานลอยฟ้าพระบรมราชชนนี จากทางแยกอรุณอมรินทร์ถึงทางแยกต่างระดับสิรินธรระยะทาง 4.50 กิโลเมตร และจากทางแยกต่างระดับสิรินธรถึงจุดสิ้นสุดโครงการ บริเวณเลยจุดข้ามทางแยกต่างระดับพุทธมณฑล สาย 2 ไปอีก 500 เมตร ระยะทาง 9.30 กิโลเมตร เปิดเมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2541[62]

[แก้]ทางพิเศษ

กรุงเทพมหานครมีทางพิเศษ (ทางด่วน) ทั้งหมด 9 เส้นทาง ทางเชื่อมพิเศษมั้งหมด 2 เส้นทาง แบ่งเป็นทางพิเศษของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย 8 เส้นทาง[63] ทางเชื่อมพิเศษของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย 2 เส้นทาง และ ทางพิเศษของกรมทางหลวง 1 เส้นทาง เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดโดยประชาชนต้องชำระเงินเป็นกรณีพิเศษ
[แก้]ทางพิเศษของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย
  1. ทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ระบบทางด่วนขั้นที่ 1) ระยะทางรวม 27.1 กิโลเมตร ประกอบด้วย
    1. สายดินแดง-ท่าเรือ ระยะทาง 8.9 กิโลเมตร เปิดให้บริการ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2524
    2. สายบางนา-ท่าเรือ ระยะทาง 7.9 กิโลเมตร เปิดให้บริการ 17 มกราคม พ.ศ. 2526
    3. สายดาวคะนอง-ท่าเรือ ระยะทาง 10.3 กิโลเมตร เปิดให้บริการ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2530
  2. ทางพิเศษศรีรัช (ระบบทางด่วนขั้นที่ 2) ระยะทางรวม 28.4กิโลเมตร เปิดให้บริการ 2 กันยายน พ.ศ. 2536
  3. ทางพิเศษฉลองรัช (ทางด่วนสายรามอินทรา-อาจณรงค์) ระยะทาง 18.7 กิโลเมตร ทางพิเศษฉลองรัชได้เปิดให้บริการตลอดสาย เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2539
  4. ทางพิเศษบูรพาวิถี (ทางด่วนสายบางนา-ชลบุรี) ระยะทาง 55 กิโลเมตร เปิดให้บริการตลอดสายเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2543
  5. ทางพิเศษอุดรรัถยา (ทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด) ระยะทางรวม 32 กิโลเมตร ระยะที่ 1 ทาง 22 กิโลเมตร เปิดให้บริการ 2 ธันวาคม 2541 และระยะที่ 2 ระยะทาง 10 กิโลเมตร เปิดให้บริการ 1 พฤศจิกายนพ.ศ. 2542
  6. ทางพิเศษสาย S1 ระยะทาง 4.7 กิโลเมตร ก่อสร้างเป็นทางยกระดับ 6 ช่องจราจร เปิดให้บริการ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2548
  7. ทางพิเศษสายรามอินทรา-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ระยะทาง 9.5 กิโลเมตร เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2552
  8. ทางพิเศษสายสายบางพลี-สุขสวัสดิ์ ก่อสร้างเป็นทางขนาด 6 ช่องจราจร ระยะทาง 22.5 กิโลเมตร เปิดให้บริการวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550
[แก้]ทางเชื่อมพิเศษของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย
  1. ทางเชื่อมทางพิเศษสายบางพลี-สุขสวัสดิ์กับทางพิเศษบูรพาวิถี[64]เปิดบริการ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2552
  2. ทางเชื่อมต่อทางพิเศษสายบางพลี-สุขสวัสดิ์กับถนนวงแหวนอุตสาหรรม 2 กิโลเมตร[65]เปิดใช้ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2554

[แก้]ทางรถไฟ

การเดินทางด้วยรถไฟสามารถทำได้ โดยมีสถานีรถไฟต้นทางสามแห่งคือ
ในอนาคต การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งร่วมกับสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) มีแผนที่จะปรับปรุงสถานีรถไฟชุมทางบางซื่อให้เป็นสถานีหลักเพียงแห่งเดียวของกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ จะมีการเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟทางไกลทั้งสามส่วนเข้าด้วยกันภายใต้โครงการรถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดงเข้ม รังสิต-มหาชัย และสายสีแดงอ่อน (แอร์พอร์ตลิงก์) ตลิ่งชัน-สุวรรณภูมิ)

[แก้]ทางรถไฟฟ้า

[แก้]รถไฟฟ้าเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา (BTS)

รถไฟฟ้าบีทีเอสบริเวณแยกศาลาแดง
เมื่อปี พ.ศ. 2542 โครงการรถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS - ย่อมาจาก Bangkok Transit System) ได้เปิดใช้งาน ซึ่งเป็นรถไฟระบบรางคู่ที่สร้างบนทางยกระดับ เป็นรางมาตรฐาน 1.435 เมตร ทางรถไฟฟ้าที่ดำเนินการในปัจจุบันมีดังนี้

[แก้]ทางรถไฟฟ้าใต้ดิน

รถไฟใต้ดินได้เปิดบริการเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมพ.ศ. 2547 ในชื่อโครงการรถไฟฟ้ามหานคร เป็นรางมาตรฐาน 1.435 เมตร ทางรถไฟฟ้าที่ดำเนินการในปัจจุบันมีดังนี้

[แก้]รถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

อาคารสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง (สถานีมักกะสัน) ของโครงการรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
รถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (Airport Rail Link) เป็นรถไฟฟ้าที่เชื่อมต่อไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิซึ่งเป็นรถไฟระบบรางคู่ที่สร้างบนทางยกระดับ เป็นรางมาตรฐาน 1.435 เมตร โดยวิ่งเป็น 2 ระบบ คือ
  1. รถไฟฟ้าด่วนท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วิ่งตรงระหว่างสถานีมักกะสันถึงสถานีสุวรรณภูมิ ภายในเวลา 15 นาที
  2. รถไฟฟ้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้บริการผู้โดยสาร วิ่งรับ-ส่งระหว่างทางเริ่มต้นที่สถานีพญาไท และจอดรายทาง 7 สถานี สู่ปลายทางที่สถานีสุวรรณภูมิ ภายในเวลา 30 นาที

[แก้]ทางรถโดยสารประจำทาง (ต่างจังหวัด)

รถโดยสารประจำทางหรือรถโดยสารประจำทางปรับอากาศ สำหรับเดินทางไปจังหวัดต่าง ๆ ในประเทศไทย โดยมีสถานีหลักอยู่ที่

[แก้]ทางรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ

รถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ คือระบบขนส่งมวลชนใหม่ของกรุงเทพมหานคร มีลักษณะคล้ายกับรถประจำทาง แต่การเดินของรถนั้นแยกออกจากถนนปกติ ปัจจุบันเปิดให้บริการในเส้นทางช่องนนทรี-ราชพฤกษ์ ระยะทาง 15.9 กิโลเมตร

[แก้]ทางรถปรับอากาศพิเศษ

รถปรับอากาศพิเศษ (metrobus) เป็นรถของบริษัท พรีเมียร์ เมโทรบัส จำกัด[68]บริการเดินรถในกรุงเทพมหานคร

[แก้]รถราง

กรุงเทพมหานครมีบริการรถรางของรัฐได้แก่ รถรางรอบเกาะรัตนโกสินทร์คิดค่าบริการ 30 บาท ดำเนินการขนส่งภายในเขตพระนครลักษณะรถทัวร์ชมเมืองวิ่งบนถนน ไม่ใช่รถรางไฟฟ้า[69][70] ส่วนรถรางของบริษัทเอกชนได้แก่ของ บริษัท ริเวอร์ไซด์ มาสเตอร์แพลน บริการให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวภายใน เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม

[แก้]รถโดยสารประจำทาง

รถโดยสารประจำทางมีหลายสายเพื่อเป็นการบริการประชาชน ให้บริการในราคาย่อมเยา โดยรถโดยสารประจำทางเฉพาะพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีทั้งหมด 254 สาย ซึ่งในจำนวนนี้มีที่ขึ้นทางด่วนของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย 36 เส้นทาง และเป็นเส้นทางที่ใช้รถปรับอากาศในเส้นทางเดียวกับเส้นทางปกติ 143 เส้นทาง ดังนั้นจึงคงเหลือรถธรรมดาที่ไม่ขึ้นทางด่วนและไม่มีรถปรับอากาศบริการในเส้นทางนั้น ๆ 75 เส้นทาง รถโดยสารร่วมบริการขนาดเล็ก (มินิบัส) ราคา 8 บาทตลอดสาย รถโดยสารธรรมดาของ ขสมก. ราคา 6.50 บาทตลอดสาย รถโดยสารธรรมดาร่วมบริการราคา 8 บาทตลอดสาย รถโดยสารปรับอากาศราคาเริ่มต้น 10 บาท และรถโดยสารปรับอากาศแบบยูโร 2 ราคาเริ่มต้น 11 บาท โดยหากใช้บริการในยามค่ำระหว่างช่วง 23:00 ถึง 5:00 ราคาจะเพิ่มขึ้น 1.50 บาท ตลอดสาย และหากรถขึ้นทางด่วนจะเพิ่มราคาขึ้นอีก 2 บาท
ประเภทของรถสีค่าโดยสารเวลาบริการทางด่วน
รถธรรมดาครีม-แดง6.5005:00-23:008.50
รถธรรมดาครีม-แดง10.5023.00-05.0013.50
รถธรรมดาขาว-น้ำเงิน805.00-23.0010
รถธรรมดาขาว-น้ำเงิน1123.00-05.0013
รถมินิบัสส้ม805.00-23.00
รถมินิบัสส้ม9.5023.00-05.00
รถปรับอากาศครีม-น้ำเงิน10 12 14 18 2005.00-23.00
รถปรับอากาศ (ยูโร 2)เหลือง-ส้ม11 13 15 17 19 21 2305.00-23.00

[แก้]รถตู้ประจำทาง

ปัจจุบันมีทั้งหมด 126 สาย ให้บริการระหว่าง 05.00 น. ถึง 22.00 น. ค่าบริการอยู่ที่ 10-35 บาท[71] เป็นรถปรับอากาศร่วมบริการ ขสมก. เพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้โดยสารที่ต้องการนั่งบนรถตลอดการเดินทาง

[แก้]รถจักรยานยนต์ประจำทาง

รถจักรยานยนตร์ในกรุงเทพมหานคร มีอัตราบริการขั้นต่ำเริ่มต้นที่ 10 ถึง 20 บาททั้งนี้แล้วแต่ท้องที่นั้น ๆ จะเรียกเก็บค่าโดยสารตามระยะทางที่เดินทางโดยสูงสุดอาจถึง 500 บาท หากไปยังพื้นที่ที่ต้องไปในระยะไกล

[แก้]รถแท็กซี่

นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2551 เป็นต้นมา ได้มีการปรับอัตราค่าโดยสารแท็กซี่ขึ้น โดยอัตราค่าโดยสารที่ใช้กันอยู่ จะคิดรวมกันจาก 2 องค์ประกอบ คือ ค่าโดยสารตามระยะทาง (คิดเป็นจำนวนเต็มคี่ เศษปัดขึ้น) รวมกับค่าโดยสารตามเวลาที่รถจอด หรือเคลื่อนที่ได้ไม่เกิน 6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (คิดเป็นจำนวนเต็มคู่ เศษปัดทิ้ง)
กิโลเมตรที่ค่าโดยสาร
0-135 บาท
1-125 บาท/กิโลเมตร
12-205.50 บาท/กิโลเมตร
20-406 บาท/กิโลเมตร
40-606.50 บาท/กิโลเมตร
60-807.50 บาท/กิโลเมตร
80 ขึ้นไป8.50 บาท/กิโลเมตร
และรวมกับค่าโดยสารตามระยะเวลาที่รถจอด หรือเคลื่อนที่ได้ไม่เกิน 6 กม./ช.ม. คิดในอัตรานาทีละ 1.50 บาท (คิดเป็นจำนวนเต็มคู่ เศษปัดทิ้ง)

[แก้]ทางอากาศ

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่รองรับผู้โดยสารต่างประเทศเข้าสู่กรุงเทพมหานครเป็นหลัก โดยได้เปิดใช้มาตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549แทนท่าอากาศยานดอนเมือง ที่เปิดใช้มาตั้งแต่ พ.ศ. 2457 ต่อมาในเดือนตุลาคม[72]ปี พ.ศ. 2555 ท่าอากาศยานดอนเมืองได้เปิดเป็นท่าอากาศยานเพื่อรองรับผู้โดยสารระหว่างประเทศอีกครั้ง

[แก้]ทางน้ำ

เรือโดยสารทั้งทางแม่น้ำเจ้าพระยาและคลองมีดังนี้
ส่วนท่าเรือสำหรับขนส่งผู้โดยสารและรับส่งสินค้าที่สำคัญของกรุงเทพมหานคร คือ ท่าเรือกรุงเทพ ซึ่งตั้งอยู่ที่เขตคลองเตย

[แก้]ปัญหาในปัจจุบัน

[แก้]การจราจรติดขัด

ปัญหาการจราจรติดขัดในกรุงเทพมหานคร นอกจากจะมาจากจำนวนรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นทุกปีแล้ว ปัจจัยเร่งให้กรุงเทพมหานครมีปัญหาการจราจรมากขึ้นเนื่องจากเป็นเมืองที่มีผู้คนจากต่างจังหวัดเข้ามาอาศัยเป็นจำนวนมาก[73] ทุกครั้งเมื่อถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์มักพบว่ามีผู้เดินทางกลับภูมิลำเนาเป็นจำนวนมากซึ่งปัญหานี้ไม่ได้แตกต่างจากกรุงปักกิ่งเท่าใดนัก[74][75] ปัญหาการจราจรติดขัดยังนำไปสู่ปัญหามลพิษทางอากาศและมลภาวะทางเสียง[76] ในปี พ.ศ. 2551 มีถนนที่มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กเกิน 10 ไมโครเมตร (ค่ามาตรฐาน) จำนวน 10 สายในกรุงเทพมหานคร และมี 2 สาย ที่มีระดับเสียงเกินมาตรฐานทุกวัน กล่าวคือเกิน 70 เดซิเบล และมีถนนที่มีการจราจรหนาแน่นเกินมาตรฐาน 3 สาย อีกทั้งวิกฤตการณ์การเมืองในประเทศได้เป็นปัจจัยเร่งให้ปัญหานี้เพิ่มมากขึ้น[77]เนื่องจากตำรวจจำเป็นต้องปิดการจราจร

[แก้]ถนนชำรุด

ใน พ.ศ. 2554 ได้เกิดอุทกภัยในกรุงเทพมหานครเป็นปัจจัยเร่งในการทำให้เกิดถนนชำรุด[78] ต่อมาใน พ.ศ. 2555 ได้เกิดเหตุถนนทรุดตัวที่ ถนนพระรามที่ 4 แยกวิทยุ-เพชรบุรี วันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2555[79]โดยถนนทรุดตัวกว้าง 5 เมตรลึก 2 เมตร และทางเดินเท้า ถนนพระรามที่ 3 แยกเจริญราษฎร์ วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2555 โดยถนนทรุดตัวกว้าง 5 เมตรลึก 3 เมตร[80]และในวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2555 ถนนเจริญกรุงบริเวณหน้าโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ เขตบางคอแหลม พบโพรงใต้ผิวถนนและเกิดโพรงขนาด 50 เซนติเมตร[81] ต่อมาในวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2555 ถนนพญาไทขาออก แยกปทุมวัน ได้ทรุดเป็นหลุมลึก 1 เมตร กว้างประมาณ 60 เซนติเมตร[82]และในวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ.2555 ถนนยุบตัวเป็นหลุมลึกกว่า 1 เมตร กลางแยกอโศก ถนนสุขุมวิท[83] จากการสำรวจของสำนักการโยธา ตรวจสอบพื้นผิวการจราจรทั้ง 50 เขตพบว่าในพื้นที่ 36 เขต มีจุดที่เสี่ยงต่อการทรุดตัวทั้งหมด 155 จุด คิดเป็นจำนวนถนน 65 สาย [84]

[แก้]ทัศนียภาพ

ปัญหาทัศนียภาพเป็นปัญหาหนึ่งในกรุงเทพมหานครที่แตกต่างจากเมืองอื่น เนื่องจากในกรุงเทพมหานครมีป้ายผิดกฎหมายเป็นจำนวนมาก ประภากร วทานยกุล กรรมการผู้จัดการบริษัทสถาปนิก 49 จำกัดอดีตนายกสมาคมสถาปนิกสยามกล่าวว่า ผลกระเทือนจากป้ายผิดกฎหมายทั้งหลายนี้ มีตั้งแต่ระดับเบา จนถึงรุนแรง เช่น บดบังความงามทางทัศนียภาพ ไปจนถึงถูกลมพัดพังถล่มทับบ้านเรือนประชาชน ในกรณีนี้มีให้เห็นกันเป็นประจำ โดยที่ยังไม่มีมาตรการใดๆ ออกมาแก้ไขปรับปรุงปัญหาดังกล่าวได้[85] ขณะที่ ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่ากรุงเทพมหานคร เปิดเผยเมื่อวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554 ว่าป้ายผิดกฎหมายในกรุงเทพมีมากถึง 1,928 ป้าย อย่างไรก็ตาม สำนักเทศกิจและสำนักงานเขต 50 เขต จัดเก็บป้ายผิดกฎหมายในพื้นที่ และเปรียบเทียบปรับตามพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของเมือง พ.ศ. 2535 และจัดเก็บภาษีตามพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. 2510 ตั้งแต่เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2552 ถึงกรกฎาคม พ.ศ. 2554 จัดเก็บได้ 1,327,229 ป้าย[86]

[แก้]อาชญากรรม

ปัญหาอาชญากรรมในกรุงเทพมหานครยังคงมีอย่างต่อเนื่อง โดยในรายงานของสำนักงานกิจการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม ได้ทำการรวบรวมวิจัยปัญหานี้ตลอดปี พ.ศ. 2550 พบว่าเหยื่ออาชญากรรมที่เป็นสมาชิกครัวเรือนมีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป จำนวน 52,410 รายนั้น ส่วนใหญ่ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมต่อทรัพย์สิน ร้อยละ 96.1 เหยื่ออาชญากรรมมีอายุระหว่าง 45 - 59 ปี มากที่สุดคือ ร้อยละ 33.2 เหยื่ออาชญากรรมเป็นเพศชาย ร้อยละ 46.4 และหญิง ร้อยละ 53.6 มีสัญชาติไทย ร้อยละ 99.6 เชื้อชาติไทย ร้อยละ 99.0 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 94.1 มีการศึกษาสูงสุดในระดับประถมศึกษาเป็นจำนวนมากที่สุดคือร้อยละ 31.2 เหยื่ออาชญากรรมในกรุงเทพมหานคร รายงานว่าอาชญากรรมที่ประสบในภาพรวมเกิดเหตุในช่วงเวลา 24.01–03.00 น. มากที่สุดถึงร้อยละ 21.1 สถานที่เกิดเหตุอาชญากรรมทั้งหมดในกรุงเทพมหานครพบว่า ส่วนใหญ่เหยื่อระบุว่า เกิดเหตุขึ้นบริเวณบ้านที่พักอาศัยของเหยื่อเอง คิดเป็นร้อยละ 74.8[87]

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น